กรุงเทพฯ. บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย เตรียมส่งรถยนต์ทรงพลังใหม่ 2 รุ่น ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู XM Label Red รถยนต์สปอร์ตอเนกประสงค์สุดโฉบเฉี่ยว สำหรับผู้ที่ต้องการรถยนต์ SAV ระบบปลั๊กอินไฮบริดประสิทธิภาพสูง ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้ที่ชื่นชอบการออกเดินทางผจญภัยด้วยเอกลักษณ์โดดเด่นสะกดทุกสายตาถึงขีดสุด
บีเอ็มดับเบิลยู 740d M Sport อีกหนึ่งรุ่นย่อยในตระกูลบีเอ็มดับเบิลยูซีรีส์ 7 ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล อัดแน่นด้วยนวัตกรรมระดับไฮเอนด์สำหรับยนตรกรรมแห่งอนาคต และยังพร้อมเปิดรับจองบีเอ็มดับเบิลยู M2 ที่มาพร้อมกับสองตัวเลือกใหม่ กับแพ็คเกจ M Race Track เอาใจสายสปอร์ตสุดขั้ว ปลดล็อคความเร็วสูงสุดถึง 285 กิโลเมตรต่อชั่วโมงพร้อมเบาะ M Carbon Bucket Seat และตัวเลือกรุ่นเกียร์ธรรมดา สำหรับผู้ขับขี่ที่ชื่นชอบรถยนต์สายสปอร์ตสมรรถนะสูง และต้องการสไตล์การขับขี่แบบคลาสสิก โดยทั้ง 3 รุ่นนี้พร้อมจะมาตอบโจทย์สไตล์การขับขี่บนท้องถนนและการใช้งานยานยนต์ที่หลากหลายของบรรดานักขับและแฟนบีเอ็มดับเบิลยูในประเทศไทย
บีเอ็มดับเบิลยู XM Label Red
ประกาศราคาอย่างเป็นทางการเร็ว ๆ นี้
บีเอ็มดับเบิลยู XM Label Red รถยนต์รุ่นเรือธงรุ่นนี้รวบรวมเอาที่สุดแห่งขุมพลัง ความพิเศษ และความหรูหรา เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เร้าใจและทรงพลังแบบไม่เหมือนใคร และยังเป็นรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู M รุ่นทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยมีมา ก้าวข้ามขีดจำกัดและสร้างนิยามใหม่ให้กับการขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าจากระบบปลั๊กอินไฮบริดสมรรถนะสูง โดยผลิตมาในจำนวนจำกัดทั่วโลกเพียง 500 คัน ซึ่งภายในตัวรถจะมีเลขระบุ “1/500” อยู่บริเวณด้านล่างของจอ Control Display บีเอ็มดับเบิลยู XM Label Red ยังได้รับการรังสรรค์ขึ้นอย่างพิถีพิถันเพื่อตอบสนองผู้ที่มีไลฟ์สไตล์แบบเปิดเผย ชอบการเดินทาง และหลงใหลรถยนต์ซึ่งเปี่ยมด้วยสมรรถนะที่โดดเด่นเหนือขอบเขตเดิม ๆ
สัดส่วนที่ล่ำสันของรถยนต์สปอร์ตอเนกประสงค์หรือ Sports Activity Vehicle (SAV) แบบมีพลวัตร ผสมผสานกับการออกแบบภายนอกที่โดดเด่น ลายเส้นที่ชัดเจน รวมถึงรูปลักษณ์ส่วนหน้าที่มีมาเฉพาะในรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูใน Luxury Class การผสมผสานที่ลงตัวยิ่งขึ้นไปอีกขั้น คือการออกแบบที่เน้นย้ำคุณลักษณะเฉพาะของบีเอ็มดับเบิลยู XM Label Red ในฐานะรถยนต์ที่มุ่งเน้นการบรรลุขีดสุดแห่งสมรรถนะ ไฮไลท์ที่โดดเด่นคือสีตัวถังภายนอกสีดำ BMW Individual Frozen Carbon Black Metallic กระจังหน้าทรงไตคู่ตามแบบฉบับบีเอ็มดับเบิลยู M พร้อมขอบสองชั้นรูปทรงแปดเหลี่ยมที่ด้านหน้ามาในรูปทรงแนวนอนอันโดดเด่น ซึ่งเป็นจุดเด่นของรถสปอร์ตสมรรถนะสูงจากบีเอ็มดับเบิลยู M ขอบด้านนอกของกระจังหน้าทรงไตคู่แต่ละข้างยังตกแต่งด้วยสีแดง Toronto Red metallic ในขณะที่ขอบด้านในมากับไฟรูปทรงโค้งมนเป็นวงแหวนไฟที่ให้แสงอย่างคมชัดและต่อเนื่อง แถบเน้นสีมันวาวตัดกับพื้นผิวสีแบบด้านซึ่งส่องแสงระยิบระยับทำให้ภายนอกของบีเอ็มดับเบิลยู XM Label Red มีลักษณะที่น่าดึงดูดใจเป็นพิเศษ
บีเอ็มดับเบิลยู XM Label Red ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซินแบบ V8 พร้อมเทคโนโลยี M TwinPower Turbo อันล้ำสมัย และระบบขับเคลื่อน M HYBRID ซึ่งให้กําลังรวมสูงสุด 550 กิโลวัตต์/ 748 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 1,000 นิวตันเมตร เครื่องยนต์สันดาปยังให้กำลังเครื่องยนต์สูงสุด 430 กิโลวัตต์/585 แรงม้า ที่ 5,600 – 6,500 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 750 รอบต่อนาที ที่ 1,800 – 5,400 รอบต่อนาที ส่วนระบบขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าให้กำลังมอเตอร์สูงสุดที่ 145 กิโลวัตต์/197 แรงม้า พร้อมแรงบิดมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 280 นิวตันเมตร นอกเหนือจากการจ่ายกำลังไฟฟ้าในระหว่างการเร่งความเร็วแล้ว มอเตอร์ไฟฟ้ายังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องยนต์สันดาป โดยบีเอ็มดับเบิลยู XM Label Red สามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้ในเวลา 3.8 วินาที
ระบบขับเคลื่อนอัจฉริยะ 4 ล้อ M xDrive ช่วยถ่ายทอดกำลังที่เกิดจากเครื่องยนต์สันดาปและมอเตอร์ไฟฟ้าไปที่ล้อ
ทั้งสี่ได้อย่างแม่นยำ รวดเร็ว และตรงตามความต้องการใช้งานตลอดเวลา ระบบเฟืองท้าย M Sport ยังช่วยเสริมสมรรถนะของรถด้วยการกระจายกำลังขับเคลื่อนระหว่างล้อหลัง ช่วยให้ตัวรถยึดเกาะถนนได้ดียิ่งขึ้น พร้อมเสริมเสถียรภาพการขับขี่ในสถานการณ์ต่าง ๆ ในขณะเดียวกัน ช่วงล่างแบบ Adaptive M Suspension Professional มอบการควบคุมแบบสปอร์ตโดยไม่ลดทอนความสะดวกสบายของผู้ขับขี่ นอกจากนี้ ระบบช่วยการขับขี่รุ่น Professional ยังมาพร้อมระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ พร้อมฟังก์ชั่น Stop&Go ไม่เพียงแต่ช่วยรักษาความเร็วของรถในระดับที่ต้องการและคงระยะห่างจากรถคันหน้าให้สม่ำเสมอเท่านั้น แต่ยังช่วยให้รถยนต์อยู่ในเส้นทางอย่างคงที่ด้วยระบบบังคับพวงมาลัย เพื่อความสะดวกสบายที่เหนือกว่า ระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติ รุ่น Plus ยังช่วยให้การจอดรถและ
การบังคับรถทำได้ง่ายขึ้นอีกด้วย
โทนสีดำและแดงยังนำรูปลักษณ์ที่น่าดึงดูดและกลิ่นอายแบบสปอร์ตมาสู่ห้องโดยสารของบีเอ็มดับเบิลยู XM Label Red ตราสัญลักษณ์ “XM” สีแดงสุดโดดเด่นบริเวณใต้หน้าจอ Control display ควบคู่ไปกับแถบตกแต่งภายในคาร์บอนไฟเบอร์แบบซาติน ประดับด้วยด้ายเน้นสีแดงและสีน้ำเงิน เสริมมาดให้รถยนต์คันนี้เป็นรถตามแบบฉบับ M อย่างแท้จริง พวงมาลัยหุ้มหนังดีไซน์ M มีส่วนประกอบตกแต่งในสีดำโครเมียม พร้อมด้วยปุ่ม M และแป้นเปลี่ยนเกียร์คาร์บอนซึ่งมีสัญลักษณ์บวกและลบเป็นสีแดง พร้อมทั้งคุณสมบัติพิเศษเฉพาะของบีเอ็มดับเบิลยู XM Label Red จากตราสัญลักษณ์ที่ระบุโหมดการขับขี่แบบ Boost Mode บนแป้นเปลี่ยนเกียร์ด้านซ้าย ส่วนห้องโดยสารด้านท้ายแบบ
M Lounge สุดพิเศษ ยังมอบความรู้สึกที่กว้างขวางให้กับผู้โดยสาร พร้อมการตกแต่งด้วยวัสดุคุณภาพสูงและการออกแบบที่หรูหรา
ผ้าบุหลังคายังเป็นเสมือนงานประติมากรรม 3 มิติ ลวดลายแบบปริซึมและเมื่อเปิดหลังคาก็จะพบกับหลอดไฟ LED กว่า 100 ดวงบนหลังคาที่ส่องสว่างอย่างงดงามยามค่ำคืน คอนโซลด้านบนยังบุด้วยหนังแบบ BMW Individual ทำให้การตกแต่งภายในสะดุดตาและหรูหราไปอีกขั้น นอกจากนี้ ยังมีชุดไฟตกแต่งภายใน ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 4 โซน ระบบระบายอากาศ ระบบเสียงรอบทิศทางจาก Bowers & Wilkins Diamond surround sound system พร้อมด้วยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่และระบบความปลอดภัยอีกมากมาย
บีเอ็มดับเบิลยู 740d M Sport
ประกาศราคาอย่างเป็นทางการเร็ว ๆ นี้
บีเอ็มดับเบิลยู 740d M Sport รุ่นใหม่ สานต่อตำนานความเหนือชั้นของบีเอ็มดับเบิลยูซีรี่ส์ 7 ที่โดดเด่นด้วยนวัตกรรมเหนือระดับและความหรูหราล้ำสมัย พร้อมส่งต่อสุนทรียภาพในการขับขี่ ความสะดวกสบายในการขับขี่ทางไกลที่ไม่มีใครเทียบชั้น โดยความปราดเปรียวอย่างเหนือชั้นของรถยนต์ซีดานรุ่นนี้ สะท้อนผ่านเครื่องยนต์ 6 สูบแถวเรียง ของเครื่องยนต์สันดาปแบบใหม่ ที่ผสานเทคโนโลยี 48V mild hybrid รุ่นล่าสุด พร้อมจะมอบความเพลิดเพลินในการขับขี่ในบรรยากาศที่สะดวกสบายพร้อมกันกับการสัมผัสประสบการณ์ดิจิทัล ที่ได้รับการออกแบบเป็นพิเศษในห้องโดยสาร ถือเป็นอีกขั้นของการตีความการเดินทางอย่างมีระดับ
บีเอ็มดับเบิลยู 740d M Sport ใหม่ โดดเด่นด้วยขุมพลังทรงสมรรถนะของเครื่องยนต์ดีเซลแบบ 6 สูบแถวเรียงความจุ 3.0 ลิตร บนเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ทำงานควบคู่เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะแบบ Sport Steptronic โดยเครื่องยนต์ดีเซลประสานพลังเข้ากับเทคโนโลยี 48V mild hybrid ให้กำลังสูงสุด 210 กิโลวัตต์/286 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 650 นิวตันเมตร ที่ 1,500 – 2,500 รอบต่อนาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ส่งกำลังรวมสูงสุดถึง 220 กิโลวัตต์/299 แรงม้า และแรงบิดรวมสูงสุด 670 นิวตันเมตร สามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้ในเวลาเพียง 6 วินาที ที่ความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยการทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์สันดาปและมอเตอร์ไฟฟ้านี้ ได้ยกระดับประสิทธิภาพและการทำงานของระบบขับเคลื่อนในบีเอ็มดับเบิลยู
ซีรี่ส์ 7 ใหม่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
น้องใหม่ในสายผลิตภัณฑ์บีเอ็มดับเบิลยูซีรีส์ 7 ยังดูทรงพลังและโดดเด่นเหนือชั้นด้วยกระจังหน้าไตคู่อันเป็นเอกลักษณ์พร้อมไฟ Iconic Glow ไฟรูปตัว ‘L’ ที่ทำหน้าที่เป็นทั้งไฟด้านข้างรถและยังเป็นไฟส่องสว่างในเวลากลางวัน มาในรูปทรงเรขาคณิตแบบกระจกเสริมให้ไฟท้ายดูเตะตายิ่งขึ้น นอกจากนี้ ตัวถังรถที่ยาวเป็นพิเศษยังเพิ่มความสะดวกสบายอย่างเหนือระดับให้กับห้องโดยสารด้านหลังอีกด้วย
การตกแต่งภายในและอุปกรณ์ต่าง ๆ สะท้อนถึงความสมดุลระหว่างการส่งต่อประสบการณ์ขับขี่อันปราดเปรียวให้แก่คนขับและสุนทรียภาพสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง พร้อมสร้างบรรยากาศแบบไม่ซ้ำใคร สะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วยอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ผลิตจากวัสดุคุณภาพสูง รวมทั้งระบบความบันเทิงภายในรถสุดล้ำสมัย แถบ BMW Interaction Bar ช่วยให้ผู้ขับขี่และรถยนต์ทำงานอย่างสอดประสานกันได้ดียิ่งขึ้น ผสานฟังก์ชันการควบคุม ชุดไฟส่องสว่างสร้างบรรยากาศในห้องโดยสาร และยังสามารถปรับแต่งได้ตามต้องการ นอกจากนี้ ขนาดเบาะนั่งที่กว้างขวางยิ่งขึ้นของบีเอ็มดับเบิลยู 740d M Sport ยังมาพร้อมฟังก์ชันครบครันทั้งสำหรับผู้ขับขี่ ผู้โดยสารตอนหน้า และผู้โดยสารตอนหลัง ด้วยฟังก์ชันนวดผ่อนคลายสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารตอนหลัง ระบบประตูอัตโนมัติ ระบบระบายอากาศสำหรับเบาะที่นั่ง และระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 4 โซน เพิ่มการไหลเวียนอากาศในห้องโดยสาร
ระบบจอภาพสำหรับผู้โดยสารตอนหลังมาพร้อม Amazon Fire TV มอบประสบการณ์ความบันเทิงสุดพิเศษสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง ประกอบด้วยหน้าจอสัมผัสขนาด 31.3 นิ้ว ความคมชัด 8K พร้อมระบบเสียงรอบทิศทาง Bowers & Wilkins รีโมทควบคุมแบบสัมผัสติดตั้งอยู่ที่แผงควบคุมบริเวณแผงประตู (BMW Touch Command) ม่านบังแสงด้านหลังจะปิดโดยอัตโนมัติเมื่อระบบจอภาพสำหรับผู้โดยสารตอนหลังทำงาน พร้อมเปลี่ยนห้องโดยสารด้านหลังของบีเอ็มดับเบิลยู 740d M Sport สู่เลานจ์ส่วนตัวเคลื่อนที่ นอกจากนี้ ยังมาพร้อมระบบนำทางแบบ Augmented View ที่ผสานการแสดงภาพจากกล้องหน้าเข้ากับระบบนำทาง และแสดงภาพบนจอหลังพวงมาลัย เพื่อเสริมระบบนำทางให้มีความแม่นยำและล้ำสมัยยิ่งขึ้น
ระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ (DSC) และระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรค (ABS) ระบบช่วยเสริมแรงเบรกอัตโนมัติ (Brake Assist) เซ็นเซอร์ควบคุมความปลอดภัยเมื่อเกิดการชน (Crash Sensor) และระบบสร้างเสียงจำลองเตือนผู้ใช้ถนนรอบข้างติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ระบบช่วยจอดรถอัจฉริยะ Parking Assistant รุ่น Plus และระบบช่วยเหลือการขับขี่ Driving Assistant รุ่น Plus มอบความอุ่นใจตลอดการเดินทางและทุกจุดหมายปลายทาง
บีเอ็มดับเบิลยู M2 พร้อม Manual Transmission
ราคาจำหน่าย: 6,499,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมแพ็คเกจบำรุงรักษา BSI Standard)*
บีเอ็มดับเบิลยู M2 พร้อมแพ็คเกจ M Race Track
ราคาจำหน่าย: 6,999,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมแพ็คเกจบำรุงรักษา BSI Standard)*
บีเอ็มดับเบิลยู M2 สุดยอดรถยนต์ในดวงใจของแฟน ๆ ตระกูล M มาพร้อมตัวเลือกใหม่ในการปรับแต่งสไตล์การขับขี่ที่ตรงใจคุณที่สุด ผ่านช่องทางการสั่งจองออนไลน์ ซึ่งนอกจากจะเปิดให้คุณปรับตัวเลือกชุดแต่งได้ดั่งใจต้องการ ยังเพิ่มตัวเลือกใหม่ เอาใจสายสปอร์ตเต็มตัวที่ชอบอารมณ์ของการขับขี่แบบคลาสสิก ด้วยตัวเลือกแบบเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ หรือนักซิ่งที่รักความสปอร์ตสุดขั้วด้วยตัวเลือกแพ็คเกจ M Race Track ที่เพิ่ม M Driver’s Package มาพร้อมเบาะนั่งสไตล์สปอร์ต M carbon ทรง Bucket Seat และระบบ M Driver ที่สามารถปลดล็อคความเร็วสูงสุดได้ถึง 285 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยลูกค้าสามารถสั่งจองได้อย่างง่ายดายบนช่องทางออนไลน์ผ่าน https://shop.bmw.co.th
เบาะนั่ง M Carbon ทรง Bucket Seat ในแพ็คเกจ M Race Track
หัวใจของบีเอ็มดับเบิลยู M2 คือขุมพลังเบนซิน 6 สูบ พร้อมเทคโนโลยี BMW M TwinPower Turbo ส่งพลังสูงสุด 338 กิโลวัตต์ / 460 แรงม้า ที่ 6,250 รอบต่อนาที ให้แรงบิดสูงสุด 550 นิวตันเมตร ที่ 2,650 – 5,870 รอบต่อนาที โลดแล่นจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายในเวลาเพียง 4.1 วินาที ส่งความเร็วสูงสุด 285 กิโลเมตรต่อชั่วโมงสำหรับแพ็คเกจ M Race Track และภายใน 4.3 วินาที ที่ความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมงสำหรับรุ่นเกียร์ธรรมดา
สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู M2 พร้อมแพ็คเกจ M Race Track มาพร้อมสมรรถนะแบบไดนามิกที่ผสานเข้ากับระบบขับเคลื่อนล้อหลังร่วมกับรุ่นเกียร์อัตโนมัติ Sport Steptronic 8 จังหวะ พร้อมระบบ Drivelogic ส่วนรุ่นเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ เพิ่มการเปลี่ยนเกียร์ให้สปอร์ตยิ่งขึ้นด้วยระบบการเชื่อมต่อกับเครื่องยนต์โดยตรง พร้อมความสามารถในการลดเกียร์ลงหลายระดับจนถึงเกียร์ต่ำสุด ระบบส่งกำลังพื้นฐานนี้มีส่วนสำคัญในการเร่งความเร็วแบบทันทีทันใดได้อย่างน่าประทับใจ โหมดการขับขี่ M Drive Professional ช่วยเสริมความเร้าใจในการขับขี่ให้มากขึ้น มาพร้อมระบบเฟืองท้าย M Sport เพิ่มประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนและเสถียรภาพในการขับขี่เมื่อเปลี่ยนเลนหรือเร่งความเร็วออกจากโค้ง และเมื่อเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงหรือบนพื้นผิวถนนที่แตกต่างกัน นอกจากนั้น ช่วงล่าง Adaptive M Suspension ยังช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเลือกได้อย่างอิสระระหว่างรูปแบบการขับขี่แบบสะดวกสบายหรือสไตล์สปอร์ต พร้อมอวดโฉมล้อแม็กซ์สไตล์ 930 M ลาย Double Spoke ด้วยขนาด 19 นิ้วในล้อหน้า และขนาด 20 นิ้วในล้อหลัง
เกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ
ตัวถังภายนอกตกแต่งด้วยวัสดุสีดำเงาและโคมไฟหน้าตกแต่งสีดำสไตล์ M และเสริมความโฉบเฉี่ยวยิ่งขึ้นด้วยระบบไฟหน้า Adaptive LED ระบบปรับการทำงานไฟสูงอัตโนมัติ (High-beam assistant) ชุดเบรก M Compound สีแดงเงา และหลังคา M Carbon ภายในอวดโฉมการตกแต่งสไตล์สปอร์ตด้วยชุดไฟส่องสว่างภายในและภายนอกห้องโดยสาร (Ambient light) หลังคาภายในดีไซน์ M Headliner สีดำ Anthracite และคอนโซลด้านบนบุด้วยหนังแบบ BMW Individual เสริมลุคที่แตกต่างภายในห้องโดยสารด้วยการตกแต่งดีไซน์ M ด้วยวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ พวงมาลัยหุ้มหนังดีไซน์ M เข็มขัดนิรภัยดีไซน์ M สามารถปรับแต่งความสะดวกสบายให้แก่ประสบการณ์การขับขี่ด้วย Comfort access จุดวางอุปกรณ์มือถือ และกาบบันไดดีไซน์ M แบบเรืองแสง ทั้งยังมาพร้อมกับพวงมาลัยสไตล์คาร์บอนที่มาพร้อมกับเกียร์ Paddle Shift (เฉพาะรุ่น M Race Track)
BMW Live Cockpit Professional นำเสนอจอแสดงข้อมูลสำหรับคนขับที่ทันสมัยผ่านจอโค้ง BMW Curved Display ซึ่งเป็นระบบดิจิทัลเต็มรูปแบบ ทำงานร่วมกับระบบเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน พร้อมระบบความบันเทิงและการสื่อสารล้ำสมัยด้วยจอ Control Display ขนาด 14.9 นิ้ว ผสานเป็นหนึ่งเดียวกับจอแสดงข้อมูล 12.3 นิ้ว นอกจากนี้ ระบบ BMW ConnectedDrive และ BMW Connected Package Professional ยังนำเสนอคุณสมบัติและบริการขั้นสูงมากมายที่ช่วยให้การขับขี่สะดวก มีประสิทธิภาพ และสนุกสนานยิ่งขึ้น ระบบเครื่องเสียงรอบทิศทาง Harman Kardon มอบประสบการณ์เสียงคุณภาพสูงอันดื่มด่ำที่สามารถปรับแต่งได้ จึงช่วยให้ประสบการณ์การขับขี่ที่ประทับใจยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ยังมาพร้อมระบบช่วยเหลือการขับขี่ล้ำสมัย อย่างระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติพร้อมฟังก์ชั่น Stop&Go (ในรุ่น M Race Track) รวมถึงระบบ Driving Assistant และระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติในทั้งสองรุ่นบีเอ็มดับเบิลยู M2 มาให้เลือก 5 สี ได้แก่ สีฟ้า Zandvoort Blue Solid, สีขาว Alpine White, สีเทา Brooklyn Grey Metallic, สีดำ Black Sapphire Metallic และสีแดง Toronto Red Metallic ต่าง ๆ ได้แก่
ลูกค้าสามารถทำการจองบีเอ็มดับเบิลยู M2 ได้ทางออนไลน์ ผ่าน https://shop.bmw.co.th และยังสามารถเลือกปรับแต่งสีภายนอก ภายใน รวมถึงตัวเลือกล้ออีก 2 ตัวเลือก ได้แก่ ล้ออัลลอยน้ำหนักเบา M ลาย 930 M Double Spoke แบบสลับสี หรือสีดำ Jet Black
*ราคาจำหน่าย ณ วันที่ 26 กันยายน 2566